ภาษี หมายถึง เงินหรือสิ่งของอื่นที่รัฐเรียกเก็บจากปัจเจกบุคคลหรือนิติบุคคล เพื่อนำไปสนับสนุนรัฐและกิจการของรัฐ ซึ่งภาษีมีหลายประเภท อาจแบ่งตามลักษณะการเสียภาษีเป็น 2 ประเภท คือ
ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่ผู้เสียภาษีจะต้องจ่ายให้รัฐโดยตรงไม่สามารถผลักภาระให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทนได้ อัตราภาษีจะเป็นแบบก้าวหน้า เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น
ภาษีทางอ้อม คือ ภาษีที่ผู้เสียภาษีสามารถผลักภาระให้ผู้อื่นเป็นผู้จ่ายแทนให้ได้ มักเป็นภาษีจากการรับการบริการ และเป็นภาษีที่เก็บได้มากกว่าเมื่อเทียบกับภาษีทางตรง เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ผู้ประกอบการจะรวมอยู่ในราคาสินค้าให้ประชาชนรับผิดชอบไป เป็นต้น
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืออะไร?
เมื่อเข้าใจถึงความหมายของภาษีเบื้องต้นแล้ว มาทำความเข้าใจกับภาษีที่ผู้มีรายได้ทุกคนต้องเสีย อย่างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ผู้จ่ายภาษีควรมีการวางแผนภาษีเพื่อให้เสียภาษีน้อยที่สุด
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากผู้มีรายได้ เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และต้องจ่ายให้กับรัฐบาลตามเกณฑ์ที่กำหนกเพื่อสนับสนุนกิจการของรัฐ โดยภาษีนั้นจะจะอยู่ในรูปของเงินหรือไม่ก็ได้
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเสียภาษีตอนไหน?
การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยทั่วไปจะจัดเก็บปีละ1 ครั้ง โดยปีภาษีจะอยู่ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคมของปีนั้นๆ ซึ่งการจัดเก็บภาษีนั้นผู้มีรายได้จะต้องแสดงตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนดภายในเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีถัดไป กระนั้นก็ยังมีผู้มีรายได้บางประเภทที่ต้องเสียภาษีทุกครึ่งปีเพื่อบรรเทาภาระภาษีที่ต้องในบางกรณี จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนภาษีและมีที่ปรึกษาภาษี
ใครบ้างที่ต้องเสียภาษี?
ตามโครงสร้างภาษีปี 2561 ได้มีการปรับโครงสร้างภาษีแบบใหม่ กำหนดให้ผู้มีรายได้สุทธิตั้งแต่ 150,001 บาทขึ้นไปจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้นการวางแผนภาษีและมีที่ปรึกษาภาษีเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากเพื่อให้การลดหย่อนภาษีถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับผู้มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีทุกครึ่งปี มีข้อกำหนด คือ ต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน เกิน 60,000 บาท และหากกรณีมีคู่สมรสต้องมีรายได้รวมกันเกิน 120,000 บาท หรือกรณีที่ฝ่ายหนึ่งมีรายได้เกินจาก 60,000 โดยที่อีกฝ่ายไม่มีรายได้ ก็จะต้องยื่นแบบภาษีเช่นกัน และยังต้องเป็นผู้มีรายได้จากเงินได้ประเภทที่ 5, 6, 7 และ 8 ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร โดยผู้เสียภาษีจะต้องแสดงตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนดภายในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนปีนั้นๆ
โดยรายได้จากเงินได้ทั้ง 4 ประเภทที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกครึ่งปี มีดังต่อไปนี้
- ค่าเช่า (เงินได้ประเภทที่ 5)
คือ รายได้ที่มาจากการปล่อยเช่าทรัพย์สินทุกประเภท เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ เป็นต้น
- ค่าวิชาชีพอิสระ (เงินได้ประเภทที่ 6)
สำหรับวิชาชีพอิสระตามประมวลกฎหมายรัษฎากร ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกครึ่งปี มี 6 สาขาวิชาชีพ คือ แพทย์/พยาบาลที่มีใบประกอบโรคศิลปะ, นักกฎหมาย, วิศวกร, สถาปนิก, นักบัญชี และช่างประณีตศิลป์ ทั้งนี้เงินได้ของวิชาชีพดังกล่าวเกิดจากการใช้ความรู้ในวิชาชีพซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอนและไม่ใช่เงินเดือนประจำนั่นเอง
- ค่ารับเหมาทั้งค่าแรงและค่าของ (เงินได้ประเภทที่ 7)
บุคคลที่มีรายได้เป็นค่ารับเหมาที่ต้องเป็นคนจัดหาทั้งแรงงาน เครื่องมือ และวัสดุต่าง ๆ เองทั้งหมด โดยไม่มีการผลักภาระใดๆ ให้ผู้จ้าง(ลูกค้า) จะเข้าข่ายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกครึ่งปี
- เงินได้อื่น ๆ (เงินได้ประเภทที่ 8)
คือ เงินได้ที่ไม่เข้าพวกเงินได้ทั้ง 1 – 7 ประเภทที่กำหนดไว้ก่อนหน้า ได้แก่รายได้จากการเป็นนักแสดง นักร้อง, การขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมรดก, การประกอบธุรกิจในนามบุคคลธรรมดา เช่น ร้านอาหาร ร้านทำผม รวมถึงการขายของออนไลน์ หรือ เงินปันผลที่ได้จากกองทุนรวม เป็นต้น
ทั้งนี้ยังมีการยกเว้นภาษีสำหรับผู้มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีทุกครึ่งปีตามเกณฑ์ข้างต้น ในกรณีที่เป็นโสดและมีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ และคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล หากมีเงินได้ไม่เกินที่กำหนดก็ไม่ต้องเสียภาษีครึ่งปีเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหากผู้มีรายได้มีเกณฑ์เข้าข่ายยื่นภาษีครึ่งปีก็จะต้องยื่นภาษีประจำปีในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมตามปกติเช่นกัน
วิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
เมื่อได้ “เงินได้สุทธิ” แล้ว ให้นำไปคำนวณตามอัตราภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้ภาษีต้องชําระทั้งปีและสามารถนําภาษีที่ถูก หัก ณ ที่จ่ายไว้มาหักออกจากภาษีที่ต้องชาระ
เมื่อได้จำนวนภาษีที่ต้องชำระแล้ว ให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91) หรือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90)
ทั้งนี้หากต้องการคำนวณภาษีก็มีเว็บไซต์ให้บริการอยู่มากมาย เช่น เว็บไซต์ของกรมสรรพากร โปรแกรม และแอพพลิเคชั่นคำนวณภาษี ต่างๆ
อัตราภาษีจากเงินได้สุทธิบุคคลธรรมดา
เงินได้สุทธิ | อัตราภาษี | ภาษีสูงสุด (บาท) |
0-150,000 (แรก) | 5% | ยกเว้น* |
150,001-300,000 | 5% | 7,500 |
300,001-500,000 | 10% | 20,000 |
500,001-750,000 | 15% | 37,500 |
750,001-1,000,000 | 20% | 50,000 |
1,000,001-2,000,000 | 25% | 250,000 |
2,000,001- 5,000,000 | 30% | 900,000 |
5,000,001 ขึ้นไป | 35% | – |
ประเภทแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91)
คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เงินได้ประเภทที่ 1 ได้แก่ เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำนาญ บำเหน็จ เป็นต้น
- แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90)
คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1-8
วิธีการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ก่อนที่จะทำการยื่นภาษีนั้นจะต้องวางแผนภาษีและเตรียมเอกสารประกอบการยื่นภาษี ดังนี้
- หนังสือรับเงินเดือน (50 ทวิ) ซึ่งได้รับจากนายจ้าง โดย 50 ทวิ นี้จะประกอบด้วย รายได้ทั้งหมด โบนัส ค่าประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- เอกสารรายการที่ใช้ลดหน่อยภาษีได้ เช่น ค่าลดหย่อนภาษีสำหรับคู่สมรสที่ไม่มีรายได้, ค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา ,ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าการศึกษา, ประกันชีวิต, จากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นต้น ช่องทางการยื่นภาษี
- ยื่นภาษีออนไลน์ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ rd.go.th ของกรมสรรพากร
- ยื่นภาษีด้วยตนเอง
- กรุงเทพมหานคร
– สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เดิมเรียกว่า สํานักงานสรรพากรเขต/อําเภอ)
– ธนาคารพาณิชย์ไทย และสาขา ในเขตกรุงเทพมหานคร
– ที่ทําการไปรษณีย์สําหรับการยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคมเท่านั้น
- ต่างจังหวัด
– สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เดิมเรียกว่า สํานักงานสรรพากรเขต/อําเภอ)
– ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ในกรณีสำนักงานสรรพากรอำเภอมิได้ตั้งอยู่ ณ ที่ว่าการอำเภอให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรอำเภอ หรือ
– สำนักงานสาขาของธนาคารพาณิชย์ไทยในเขตอำเภอหรือกิ่งอำเภอท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่
ขั้นตอนการยื่นภาษีด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
- เข้าสู่เว็บไซต์ http://epit.rd.go.th ของกรมสรรพากร เลือกหัวข้อ “ยื่นออนไลน์”
- เลือกแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ต้องการ (ภ.ง.ด.90/91)
- ลงทะเบียน (สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน)
- เมื่อลงทะเบียนแล้ว ให้เข้าสู่ระบบ
- ตรวจสอบชื่อ นามสกุล ที่อยู่และข้อมูลต่างๆ ให้ถูกต้อง
- เลือกวิธีการยื่นภาษี “ยื่นแบบ Online”
- กรอกรายละเอียดสถานภาพ หากสมรส ต้องกรอกรายละเอียดคู่สมรสด้วย
- เลือกประเภทเงินได้ และค่าลดหย่อน
- กรอกรายละเอียดหนังสือรับเงินเดือน (50 ทวิ)
- เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้วให้ตรวยสอบตัวเลขรายละเอียดต่างๆ
- ยืนยันการยื่นแบบภาษี
- เข้าสู่ขั้นตอนจ่ายเงิน หรือ ตรวจสอบการคืนภาษี
ขั้นตอนนี้หากต้องจ่ายภาษีจะมีให้เลือกวิธีการจ่ายเงิน หากใครได้เงินภาษีคืนจะต้องรออย่างน้อย 1 วันหลังยื่นภาษี
วิธีการตรวจสอบสถานะการคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หลังจากยื่นภาษีไปแล้ว ผู้ยื่นภาษีคนใดได้ภาษีคืน สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ http://www.rd.go.th/publish/27942.0.html หลังยื่นภาษี 1 วัน
เมื่อเข้าใจขั้นตอนการเสียภาษีแล้ว การวางแผนภาษีเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากเพื่อให้ภาษีทุกบาททุกสตางค์เสียไปอย่างคุ้มค่า หากมีที่ปรึกษาภาษีก็จะเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้เสียภาษีนั่นเอง